สวัสดีค่ะทุกคน…วันนี้แอดจะมาเล่าถึงความรักแบบคนญี่ปุ่นว่าเขาคืดอย่างไร ทำกันอย่างไรบ้างในสังคมนะคะ ก่อนที่จะมาแชร์ข้อมูลนี้ทางแอดได้แอบไปสัมภาษณ์สามีญี่ปุ่นของแอดเองเลย ลองมาฟังคำตอบกันดูนะคะว่าจะถูกใจสาวๆคนไทยกันหรือไม่น๊าา…
ชอบเดทกันที่บ้านมากกว่าที่สาธารณะ
สายตาของคนญี่ปุ่นุชคือมันมิดชิดดี ส่วนตัว จะสวีทหรือจับมือถือแขน กอดกันก็ไม่ต้องเกรงใจหรืออายคนสาธารณะข้างนอกบ้านนะคะ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกส่วนตัวของคู่รักด้วย ไม่ว่าจะทำอาหารด้วยกัน ทานข้าว นั่งคุยกันก็รู้สึกสบายๆมากกว่านั่งร้านอาหารด้านนอกนะคะ สาวๆคนไหนกำลังจะถึงคิวนัดเดทกับคู่รักของตนเองแล้วลองเปลี่ยนการเดทนอกบ้านมาเป็นที่บ้านดูนะคะ รับรองได้ฟิวแบบฟินๆไม่แพ้กันเลยค่ะ
ไม่แสดงความรักในที่สาธารณะเด็ดขาด
อันนี้จริงมากที่สุดค่ะ เอาจริงๆนะเวลาเดินไปไหนมาไหนข้างนอกบ้าน..ย้ำ!!!!นอกบ้านจริงๆค่ะ หน้าบ้านก็คือบอกบ้านแล้วนะ 55++ คือไม่จับมือ ไม่สวีทเลยค่ะ อันนี้เราเคยถามสาเหตุแล้วค่ะ เหตุผลคือไม่ใช่ว่าเขาไม่รักเรานะคะ แต่การที่เขาไม่แสดงความรักหรือสวีทกันในที่สาธารณะเพราะเขามองว่ามันเป็นสิ่งที่น่าอายค่ะ ฉะนั้นถ้าอยากจะสวีทกันจริงๆควรทำกันในที่ส่วนตัวจะเหมาะสมมากกว่า…(อย่าเพิ่งดราม่านะ เขามองว่าเป็นมารยามสังคมของเขาด้วยเนอะ)
ไม่ค่อยพูดคำว่ารักแต่จะชอบทำให้ดูมากกว่า
นี่แหละค่ะคือตัวจริงแห่งการเน้นทำแต่ไม่เน้นพูดจริงๆค่ะ นับได้เลยนะว่าในระยะเวลา 1 ปี จะพูดคำว่ารักแค่ไม่กี่ครั้งหรือบางคนแทยที่จะไม่พูดเลย กว่าจะยอมพูดออกมาได้นี่คือแบบสุดๆจริงๆ ที่เขาไม่พูดเพราะว่าอายค่ะ และรู้สึกเกร็งๆไม่กล้าที่จะพูด เลยจะแสดงออกโดยการปฎิบัติให้ดูมากกว่า เช่น การดูแลเทคแคร์คนรักของตนเอง พาไปเดทกันสองคน หรือจะพาไปทำกิจกรรมคู่รักที่ถนัดกันแบบสองต่อสอง สาวๆที่ได้ยินแบบนี้แล้ว อย่าเพิ่งน้อยใจหนุ่มญี่ปุ่นนะคะว่าทำไมเขาถึงไม่บอกรักเราเลย นี่แหละค่ะคือเหตุผลที่แท้จริง ดังนั้น เรามาโฟกัสสิ่งที่เขาทำให้เราแทนคำว่ารักจะดีกว่านะคะ
วันวาเลนไทน์ฝ่ายหญิงจะเป็นคนให้ของขวัญฝ่ายชาย
ไม่ว่าจะยังไม่คบกันหรือจะเริ่มคบกันแล้ว เมื่อถึงวันวาเลนไทน์เมื่อไหร่ ตามประเพณีของคนญี่ปุ่นคือ ฝ่ายหญิงจะต้องเป็นผู้ให้ของขวัญหรือช็อกโกแลตให้ฝ่ายชาย หรือผู้ชายที่ตนเองชอบ เพราะถือว่าเป็นวันสำหรับฝ่ายหญิงสามารถแสดงความรักต่อฝ่ายชายได้โดยไม่ต้องเขินอายค่ะ อย่างแอดเองนี่ก็นะ ถึงวันวาเลนไทน์ทีไรก็หาช็อกโกแลตมามอบให้สามีซะหน่อยพอให้ชุ่มฉ่ำหัวใจค่ะ (แต่ในใจของเรานี่คือ…ฉันอยากได้ของขวัญจากผู้ชายนะว้อยยยย 555+)
หารครึ่งเวลาจ่ายค่าอาหารหรือฝ่ายชายจะเป็นคนจ่ายมากกว่า
ไม่ว่าจะนั่งร้านอาหารกี่ครั้งกี่รอบสำหรับแอดแล้วคือช่วง 1-2 ครั้งแรก คุณสามีจะเป็นคนจ่ายหรือเลี้ยงให้นั่นเองค่ะ แต่หลังจากนั้นคือจะช่วยกันจ่ายคนละครึ่งมากกว่า มันจะได้แฟร์ๆนะในความคิดของแอดนะ แต่ถ้าฝ่ายชายเขาอยากจ่ายให้ทุกครั้งเพราะเขายินดีหรือสะดวกจ่าย เราก็ต้องปล่อยให้เขาจ่ายไปเลยค่ะ เพราะเขาอยากดูแลเราเป็นพิเศษนั่นเองเนอะ
สนใจเรื่อง “5 เคล็ดลับพิชิตใจผู้ชายญี่ปุ่น” คลิกเลย
ผู้เขียน Tamtidchiwit.